พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานเกาะสีชัง
๘๙

พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานเกาะสีชัง

พระจุฑาธุชราชฐานเป็นพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย สร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๔๓๒ เพื่อใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ โดยตั้งชื่อตามพระนามพระราชโอรสที่ประสูติ ณ ที่แห่งนั้น คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกฯ (กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย) จนกระทั่งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ในร.ศ.๑๑๒ ซึ่งมีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชังและปิดอ่าวไทย การก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ จึงยุติลง และต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างบางส่วนไปสร้างที่อื่น นับแต่นั้นมา การเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังเกาะสีชังจึงได้ยุติลง

ซึ่งในปี พ.ศ.๒๕๒๑ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบสิทธิการใช้ที่ดินในพระจุฑาธุชราชฐาน จากกรมธนารักษ์ ดังนั้นจึงได้จัดตั้งสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิตในบริเวณนี้ทั้งยังดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐาน โดยบูรณะซ่อมแซมอาคารต่างๆ ในเขตพระราชฐานด้วย

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๕ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ปรับปรุงพระราชฐานให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้น และในวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๗ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน

ถิ่นสุขกายสุขด้วย ถิ่นดี
จิตรโปร่งปราศราคี ชุ่มชื้น
สองสุขแห่งชาวสี- ชังเกาะ นี้แฮ
อายุย่อมยืนพื้น แต่ร้อยเรือนริม

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เรือนไม้ริมทะเล - สันนิษฐานว่าเคยเป็นเรือนพักตากอากาศของชาวต่างประเทศมาก่อน ต่อมาได้ปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ ปัจจุบันเป็นสำนักงาน ส่วนบริการนักท่องเที่ยว และจัดแสดงนิทรรศการสถานที่น่าสนใจในเกาะสีชัง
พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิต - สร้างขึ้นเพื่อทดแทนวัดปลายแหลมที่มีมาแต่เดิม ลักษณะเด่นของพระเจดีย์นี้ คือ มีการประดับตกแต่งตามศิลปะแบบโกธิก มีประตูและหน้าต่างเป็นรูปโค้งยอดแหลม ช่องแสงประดับด้วยกระจกเป็นลวดลาย
เรือนผ่องศรี - เรือนจัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและประวัติบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับเกาะสีชังในอดีต
กลับหน้าหลัก